วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

                           รัฐประหาร 22 พ.ค. 57


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รส.ได้เรียกหัวหน้าหน่วยราชการและองค์กรต่างๆ เดินทางมารับทราบเหตุผลในการประกาศกฎอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดให้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557
       
       ถ้อยคำและบทสนทนาอันเป็นคำถาม คำตอบระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ถือเป็นบทสนทนาที่ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา และสะท้อนความในใจ ตลอดรวมถึงเป้าหมายในการประกาศกฎอัยการศึก และต่อมาได้กลายเป็นถ้อยแถลงแห่งประวัติศาสตร์ เพราะสุดท้ายแล้วถ้อยแถลงบทนี้ได้นำไปสู่การตัดสินใจทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
       
       ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เริ่มต้นแถลงว่า “อยากเรียนให้ทุกคนทราบถึงเหตุผลและความจำเป็นการประกาศใช้กฎอัยการศึกในทุกพื้นที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างไร อยากเรียนว่าสังคมอย่าตื่นตระหนักเป็นเพียงการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดขึ้น
       
       อยากให้แสวงหาทางออกอย่างสันติวิธีให้ได้ ลดความขัดแย้งของประชาชนทุกพวกทุกฝ่าย วันนี้อาจจะมีคนที่เดือดร้อนอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ผมอยากขอเวลาสักระยะหนึ่งให้สถานการณ์สงบเรียบร้อย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีกต่อไป การประกาศใช้กฎอัยการศึกในครั้งนี้นั้นเป็นการประกาศเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อให้มีการแสวงหาทางออก โดยที่ไม่มีการกดดันจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น
       
       วันนี้ได้เชิญปลัดกระทรวง อธิบดี รวมถึงภาคส่วนเศรษฐกิจ และภาคส่วนสังคม และเอกชน และสหภาพต่างๆ ซึ่งทุกคนมีข้อสรุปว่าบ้านเมืองต้องเดินหน้าไปให้ได้โดยสันติวิธี โดยข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรม เห็นชอบร่วมกันและเข้าใจถึงความจำเป็นของทหารในการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงนี้ วันนี้ 3 เหล่าทัพ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหนึ่งเดียวในการรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้าได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศ และมิตรประเทศในเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว ว่าพวกเราจะไม่ส่งผลกระทบกับกิจการใดๆทั้งสิ้น
       
       สิ่งที่เราจะดำเนินการเร่งด่วนคือ การบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้ที่ใช้อาวุธสงคราม หรือผู้ที่ตั้งกองกำลังในการทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย ซึ่งสิ่งที่หลายท่านสงสัยในคำพูดของผมที่พูดว่า เมื่อมีการจลาจล แต่จริงๆแล้ว ที่ผ่านมาได้เกิดการจลาจล เนื่องจากมีการบาดเจ็บและสูญเสียเป็นจำนวนมาก มีประชาชนเสียชีวิต 28 คน และบาดเจ็บ 700 ร้อยกว่าคนถือเป็นเสียชีวิตที่ใหญ่หลวง ซึ่งเสียชีวิตคนเดียวก็มากแล้วสำหรับครอบครัวของเขา
       
       ที่ประชุมมีมติร่วมกันในการหาทางออกให้กับประเทศให้ได้ ซึ่งข้าราชการทุกกระทรวงต้องมีความเข้มแข็ง ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายด้วยความชอบธรรมมีคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งทุกคนให้สัญญากันไว้ สำหรับการแก้ไขปัญหาต้องให้ทุกกระบวนการได้ทำงาน โดยไม่ไปกดดัน ส่วนผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายอยู่ในความสงบ และสันติวิธีจะมาต่อสู้ด้วยอาวุธทำลายกันและกันนั้น พวกเรายอมไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องดูแลคนไทยทุกคน เราพยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกพวกอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะถูกจะผิดก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรม
       
       ผมไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครผิดมากผิดน้อย แต่การดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องของศาล ทุกคนก็ต้องเข้าไปสู่กระบวนการทั้งสิ้น หลังจากการประกาศกฎอัยการศึกถือเป็นการนับหนึ่งว่าบ้านเมืองต้องเดินไปในทางที่สงบ และสันติโดยเร็ว เราจะไม่เอาเรื่องเก่ามาพูดกันให้แก้ปัญหาไม่ได้อีก เราต้องมองวันข้างหน้าว่าจะเดินต่อไปอย่างไร ขอร้องสื่อ และทุกภาคส่วนขอให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับประชาชนในประเทศว่าเข้าจะขัดแย้งต่อไปไม้ได้อีกแล้ว เราจะไปหวังพึ่งใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากคนไทยทุกคน ไม่ว่าสีใครเราต้องสลายสีเสื้อไปให้ได้ และอย่าไปสนับสนุนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อให้เกิดความรุนแรง
       
       เราจำเป็นต้องระงับการเผยแพร่ของสื่อหลายช่อง ก็ต้องขออภัย เนื่องจากมีความจำเป็นในเรื่องความมั่นคง ขอให้ทุกคนอดทน ซึ่งการประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้นจะใช้เพียงบางมาตราเท่านั้น เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบในวงกว้างและจะสร้างปัญหาต่อไปในอนาคต พวกเรามีความตั้งใจอันดีที่จะให้ชาติบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า”
       
       จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ “ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม โดยมีเนื้อหาดังนี้
       
       ผู้สื่อข่าว : กฎอัยการศึกจะใช้เวลานานแค่ไหน ?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : เมื่อกี้ก็ตอบไปแล้วไม่ใช่เหรอ ... บ้านเมืองสงบเมื่อไหร่ ปลอดภัยเมื่อไหร่ มีเสถียรภาพเมื่อไหร่ ก็ยกเลิกเมื่อนั้นแหละ
       
       ผู้สื่อข่าว : แสดงความถ้ายังไม่สงบภายใน 3 เดือน 6 เดือน กฎอัยการศึกก็จะยังคงมีอยู่ ?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : มันคงไปไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง ทุกอย่างที่มันจัดการด้วยข้อกฎหมายได้ก็ทำไป ถ้าทำไม่ได้ก็ขจัดข้อขัดแย้งก่อน ถ้าข้อขัดแย้งมันยังไม่แก้ไขก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ มันถึงมีความจำเป็นที่ทหารต้องประกาศกฎอัยการศึกไง
       
       ผู้สื่อข่าว : จะเป็นก้าวแรกที่นำไปสู่การรัฐประหารไหม ?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : เป็นคำถามที่ใครเขาก็ไม่ตอบหรอกนะ ผมไม่ตอบอะไรสักอย่าง อย่ามาสรุปเอง
       
       ผู้สื่อข่าว : เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้ มีความเป็นไปได้ไหมที่จะเชิญคู่ขัดแย้งมาคุยกัน ?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : ก็อยู่ในกระบวนการนะ ต้องดำเนินการอยู่แล้ว วันนี้ก็มาพูดคุยกับข้าราชการก่อน วันต่อไปก็ค่อยมาดูว่าจะทำยังไงให้คู่ขัดแย้งได้มาพูดคุยกัน ท่ามกลางความสงบ ถ้ามันยังไม่สงบ ถ้ามันยังมีการเคลื่อนไหวยุยงปลุกปั่น สร้างภาพจนเกิดความรุนแรงขึ้น มันก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ดังนั้นทุกฝ่ายต้องหยุดก่อน ไม่งั้นไม่รู้เรื่อง
       
       ผู้สื่อข่าว : ต้องเรียกมาคุยโดยเร็วที่สุดไหม เพื่อให้สถานการณ์มันคลี่คลาย ?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : ผมเรียกก็ต้องมาอยู่แล้วแหละ ไม่ต้องมาถามว่าพวกไหน เรียกทุกพวก เพราะมันต้องคุยกันทุกพวก มันถึงต้องมีอำนาจกฎอัยการศึกไงเล่า ไม่งั้นใครจะฟัง
       
       ผู้สื่อข่าว : หมายถึงจะเรียกครม. วุฒิสมาชิก?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : เอาล่ะๆๆ ทีละขั้นตอน มันเป็นเรื่องของผมเอง ถามทุกอย่างก็ไปไม่ได้สักอย่าง ไม่มีใครเขามาตอบได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว บางเรื่องก็ตอบไม่ได้ บางเรื่องก็ต้องดูต่อไปว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่พวกผมจะไม่ยอมให้มีการนองเลือดเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นอันขาด
       
       ผู้สื่อข่าว: มองว่าการเลือกตั้งควรจะมีขึ้นอีกไหม?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : อะไรนะ(เสียงดัง)
       
       ผู้สื่อข่าว: การเลือกตั้งจะยังเกิดขึ้นอยู่ไหมคะ?(เสียงอ่อย)
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : เดี๋ยวไปหาหมอหูหน่อยนะ
       
       ผู้สื่อข่าว: รัฐบาลตอนนี้อยู่ในสถานะอะไร?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้วจะมาถามผมทำไม (ไม่รู้ครับ ถึงถามท่าน)ไปถามคนที่เขารู้ ผมรักษาความสงบเรียบร้อย รัฐบาลอยู่ไหนถ้าทำงานได้ก็ทำกันไป ประเทศชาติต้องทำงาน ตอนนี้ข้าราชการทำงาน ผมเอาแค่นี้ ผมไม่ไปยุ่งกับใคร เอาเป็นว่าข้าราชการประจำ ทหาร ทำงานเพื่อบ้านเมืองนี้ ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ จะพยายามไม่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนให้มากนัก ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ยังมีอีกหลายมาตราที่ยังไม่ได้ใช้เลย
       
       ผู้สื่อข่าว : จะประกาศเคอร์ฟิวไหม ?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : ก็พูดอยู่นี่ไง ว่ามีอีกหลายมาตรายังไม่ได้ใช้เลย
       
       ผู้สื่อข่าว : มีแนวโน้มที่จะใช้ไหมครับ ?
       
       พล.อ.ประยุทธ์ : ก็อยากให้ใช้ไหมเล่า ถ้าจะห้าม ก็ห้ามสื่อ เคอร์ฟิวสื่อก่อนแล้วกัน โอเคนะ ขอบคุณจ้ะ ขอบคุณทุกคน ขอให้เป็นกำลังใจให้ทหารด้วย ตำรวจด้วย ทุกเหล่าทัพเป็นหนึ่งเดียว ผู้บัญชาการทหารสูงสุดท่านติดราชการที่อินโดนีเซีย แต่โทรศัพท์คุยกันตลอด
       
       นี่คือสัญญาณที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเอาไว้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการทำรัฐประหาร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถาม กระทั่งในที่สุดเมื่อไม่สามารถบรรลุข้อตกลงจากการเจรจาได้ พล.อ.ประยุทธ์จึงตัดสินใจทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557